Phillip Lowe ผู้ว่าการธนาคารกลางของออสเตรเลียกล่าวว่าโซลูชันส่วนตัว “จะดีกว่า” สำหรับ cryptocurrency ตราบใดที่ความเสี่ยงถูกบรรเทาลงผ่านกฎระเบียบ
Phillip Lowe แสดงความคิดเห็นในการประชุมการเงิน G20 ครั้งล่าสุดที่อินโดนีเซีย สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม ว่าเจ้าหน้าที่จากประเทศอื่น ๆ ได้หารือถึงผลกระทบของเหรียญ stablecoin และการกระจายอำนาจทางการเงิน (DeFi) ที่มีต่อระบบการเงินทั่วโลก
ความเสี่ยงล่าสุดที่เกี่ยวข้องกับ Stablecoin นั้นสามารถถูกกล่าวถึงได้เป็นส่วนใหญ่ ในเดือนพฤษภาคม Terra USD stablecoin ของ Terra USD ซึ่งได้เปลี่ยนเป็น Terra Classic USD (USTC) นับตั้งแต่นั้นมา ก็สูญเสียการตรึงและทำให้มูลค่าของระบบนิเวศของ Terra Classic ลดลงทั้งหมด มันทำให้เกิดเอฟเฟกต์น้ำตกมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ซึ่งนำไปสู่ Tether (USDT) และ DEI stablecoin ในช่วงเวลาสั้นๆ
Phillip Lowe แนะนำว่ากฎระเบียบที่เข้มงวดหรือแม้แต่การสนับสนุนจากรัฐสามารถช่วยลดความเสี่ยงต่อสาธารณะได้
“หากโทเค็นเหล่านี้จะถูกใช้กันอย่างแพร่หลายโดยชุมชน พวกเขาจะต้องได้รับการสนับสนุนจากรัฐหรือควบคุมเช่นเดียวกับที่เราควบคุมเงินฝากธนาคาร”
แม้ว่าข้อบังคับจะมาจากฝ่ายรัฐบาล แต่ Lowe ตั้งข้อสังเกตว่าเทคโนโลยีจะดีที่สุดหากได้รับการพัฒนาโดยภาคเอกชน ในมุมมองของเขา บริษัทเอกชน “ดีกว่าธนาคารกลางในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่” ฟีเจอร์ที่ดีที่สุดสำหรับสกุลเงินดิจิทัล
เขากล่าวเสริมว่า “นอกจากนี้ยังมีแนวโน้มที่จะมีค่าใช้จ่ายที่สำคัญมากสำหรับธนาคารกลางในการจัดตั้งระบบโทเค็นดิจิทัล”
สมาคมเครดิตยูเนี่ยนแห่งชาติของสหพันธรัฐได้แบ่งปันความสงสัยของ Phillip Lowe เกี่ยวกับการนำโทเค็นดิจิทัลไปใช้กับธนาคารกลางเนื่องจากมีค่าใช้จ่ายสูงในจดหมายถึงกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐอเมริกาตามรายงานของ Cointelegraph เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม
อย่างไรก็ตาม มุมมองของเขาเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายของระบบโทเค็นดิจิทัลที่ธนาคารกลางไม่ได้สะท้อนโดยประเทศต่างๆ ที่กำลังพัฒนาหรือทดลองใช้สกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (CBDC) เช่น จีน สหภาพยุโรป และบาฮามาส
ในการประชุม G20 เดียวกันนั้น Eddie Yue ceo ของ Hong Kong Monetary Authority ได้สนับสนุนความคิดเห็นของ Lowe ว่าควรตรวจสอบ Stablecoins อย่างใกล้ชิดมากขึ้น เขากล่าวว่า Stablecoin ที่เชื่อถือได้จะช่วยลดความเสี่ยงใน DeFi โดยที่ Stablecoin ทำหน้าที่เป็นสกุลเงินหลักในการทำธุรกรรม
Yue กล่าวถึง DeFi และ Stablecoins ว่า “เทคโนโลยีและนวัตกรรมทางธุรกิจที่อยู่เบื้องหลังการพัฒนาเหล่านี้น่าจะมีความสำคัญต่อระบบการเงินในอนาคตของเรา”
ที่มา : cointelegraph