ราคาวัสดุก่อสร้างพุ่ง 35% จับตาอสังหาเร่งกวาดตลาด 3 ล้านบาท

 

นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล พี เอ็น ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN เปิดเผยว่า จากการประเมินครึ่งปีหลัง 2565 แสดงให้เห็นภาพรวมของเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มชะลอตัว นั่นเป็นเพราะผลกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ทำให้ราคาพลังงานโดยเฉพาะน้ำมันและราคาวัสดุก่อสร้างปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อต้นทุนการก่อสร้างคิดเป็นสัดส่วน 30% ของต้นทุนในการพัฒนาโครงการทั้งหมดต้องปรับตัวสูงขึ้นตามไปด้วย

ราคาที่ดินซึ่งคิดเป็นต้นทุนสำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในสัดส่วน 30-35% ของภาพรวมต้นทุนทั้งหมด ถึงแม้บางทำเลจะมีการราคาปรับตัวสูงขึ้น แต่การที่กฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง (Property Tax) มีผลบังคับใช้

รัฐบาลตัดสินใจให้มีการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเต็มจำนวน 100% ในปี 2565 (จากเดิมให้ส่วนลด 90% เจ้าของทรัพย์สินมีภาระจ่ายจริงเพียง 10% ในปี 2563-2564)

“Property Tax ทำให้แลนด์ลอร์ดมีการปรับพฤติกรรมถือครองที่ดิน จากเดิมตั้งใจจะเก็บที่ดินไว้เพื่อรอเวลาเศรษฐกิจฟื้นตัวแล้วตั้งราคาขายสูง ๆ ปัจจุบันมีบางรายยอมที่จะลดราคาที่ดินลงมาให้อยู่ในระดับราคาที่เหมาะสม เพื่อลดภาระจ่ายภาษีที่ดินฯ”

นายโอภาสกล่าวว่า นอกจากนี้ เทรนด์ความต้องการที่อยู่อาศัยในช่วงครึ่งปีหลัง 2565 เนื่องจากสถานการณ์ความไม่แน่นอนทั้งวิกฤตสงครามและโควิด-19 ลูกค้ามีแนวโน้มชะลอการตัดสินใจในการซื้อที่อยู่อาศัย เพราะลูกค้าบางกลุ่มบางอาชีพยังไม่แน่ใจรายได้ในอนาคตว่าจะเป็นอย่างไร ทำให้ราคาของที่อยู่อาศัยที่เหมาะสมและยังเป็นที่ต้องการของตลาดจึงเป็นกลุ่มระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท

ซึ่งสามารถเจาะกำลังซื้อได้ทั้งตลาดกลางและบน เนื่องจากกลุ่มผู้ซื้อระดับบนที่ไม่แน่ใจรายได้ในอนาคต มีแนวโน้มที่จะปรับลดงบประมาณในการซื้อที่อยู่อาศัยลงมา เพื่อให้อยู่ในระดับของราคาที่มีความสามารถในการจ่ายได้โดยไม่เดือดร้อน

นายประพันธ์ศักดิ์ รักษ์ไชยวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลุมพินี วิสดอม แอนด์ โซลูชั่น จำกัด (LPN Wisdom) บริษัท วิจัยและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเครือ LPN กล่าวว่า เขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑลในช่วงครึ่งปีแรก 2565 (มกราคม-มิถุนายน) มีบ้านและคอนโดฯ เปิดตัวขึ้นมาใหม่ 163 โครงการ จำนวน 51,946 หน่วย เพิ่มขึ้น 121% มูลค่ารวม 188,373 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45% เมื่อเทียบกับช่วงครึ่งปีแรก 2564

โดยแบ่งเป็นการเปิดตัวคอนโดฯ 48 โครงการ 30,579 หน่วย เพิ่มขึ้น 231% มูลค่ารวม 78,078 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40% มีอัตราการขายเฉลี่ย 33% ต่อโครงการต่อเดือน และการเปิดตัวบ้านแนวราบ 115 โครงการ 21,367 หน่วย เพิ่มขึ้น 49% มูลค่า 110,295 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48% เทียบกับระยะเดียวกันของปี 2564 มีอัตราการขายเฉลี่ย 12% ต่อโครงการต่อเดือน

โดยโครงการบ้านแนวราบที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากตลาดเป็นทาวน์เฮาส์ราคา 2-5 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการที่มีจำนวนหน่วยเปิดตัวและหน่วยขายได้สูงที่สุด มีอัตราการขายเฉลี่ย 12% ต่อโครงการต่อเดือน และทำเลที่มีการเปิดตัวสูงสุดอยู่ในย่านรังสิต-ลำลูกกา รองลงมาคือ เพชรเกษม-อ้อมน้อย และศรีนครินทร์-บางนา-สุวรรณภูมิ

ในขณะที่บ้านแฝดราคา 3-6 ล้านบาท เป็นกลุ่มที่มีอัตราขายเฉลี่ย 11% เปิดตัวสะสมสูงสุดในทำเลบางใหญ่-ราชพฤกษ์ รองลงมาคือ บางนา-ตราด-สุวรรณภูมิ และบ้านเดี่ยว เปิดใหม่ราคา 6-10 ล้านบาท อัตราขายเฉลี่ย 13% เปิดตัวสะสมในทำเล บางใหญ่-ราชพฤกษ์ รองลงมาคือ ประชาอุทิศ-พุทธบูชา

“เหล็ก-สุขภัณฑ์” มีการขึ้นราคาหนักมาก

แนวโน้มการลงทุนในช่วงครึ่งปหลัง 2565 ดีเวลอปเปอร์ยังคงมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง อัตราเงินเฟ้อทั่วโลกปรับตัวสูงขึ้นแตะระดับ 7.66% ในเดือนมิถุนายน 2565 สูงที่สุดในรอบ 13 ปี ทำให้อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยครึ่งปีแรก 2565 อยู่ที่ 5.61% ทำให้เกิดกระทบเป็นลูกโซ่ทำให้ราคาวัสดุก่อสร้างปรับตัวสูงขึ้นไม่น้อยกว่า 5%

ทั้งนี้ ต้นทุนวัสดุก่อสร้างและของตกแต่ง 11 หมวด เปรียบเทียบไตรมาส 1/65 กับไตรมาส 1/64 มีการปรับเพิ่มขึ้น ดังนี้

  1. เหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก เพิ่มขึ้น 35%
  2. สุขภัณฑ์ เพิ่ม 12.7%
  3. งานวิศวกรรมโครงสร้าง เพิ่ม 12%
  4. วัสดุก่อสร้างอื่น ๆ เพิ่ม 8%
  5. งานระบบไฟฟ้าและระบบสื่อสาร เพิ่ม 5%
  6. ผลิตภัณฑ์คอนกรีต เพิ่ม 6.8%
  7. อุปกรณ์ไฟฟ้าและประปา เพิ่ม 6.6%
  8. ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ เพิ่ม 4.6%
  9. งานสถาปัตยกรรม เพิ่ม 2.6%
  10. งานระบบสุขาภิบาล เพิ่ม 2.2%
  11. กระเบื้่อง เป็นหมวดสินค้าเดียวที่ไม่มีการปรับเพิ่มขึ้น และลดลง -3.2%

เอพีบุกไฟติ้งแบรนด์ “MODEN”

นายรัชต์ชยุตม์ นันทโชติโสภณ รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานพัฒนาธุรกิจกลุ่มสินค้าบ้านเดี่ยว บริษัท เอพี ไทยแลนด์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในรอบ 7 ปี (2558-2564) บ้านเดี่ยวเอพีประสบความสำเร็จในการถือครองส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 ในด้านยูนิตที่ขายได้มากสุดในตลาด ในขณะที่ปี 2565 ถือเป็นปีที่บ้านเดี่ยวเอพีเปิดตัวใหม่มากสุด 23 โครงการ มูลค่ารวม 32,650 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3 เท่าเมื่อเทียบกับปี 2564

บ้านเดี่ยวที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ ทำให้เอพีมีบ้านเดี่ยวสะสม 50 โครงการ ครอบคลุมราคาตั้งแต่ 3-20 ล้านบาท มีความหลากหลายทั้งโปรดักต์และเซ็กเมนต์ราคาที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคได้ทุกกลุ่มเป้าหมาย

สำหรับความท้าทายใหม่ของปีนี้คือการบุกเข้าไปยังตลาดใหม่ ๆ ในกลุ่มราคา 3-5 ล้านบาท ภายใต้กลยุทธ์ Market Penetration เพื่อสร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดดให้กับองค์กรอีกครั้ง โดยการบุกตลาดใหม่ครั้งนี้จะเป็นการเข้าไปในทำเลใหม่ ๆ ที่ยังไม่มีสินค้าในพอร์ตเอพี โดยพัฒนาแบรนด์บ้านเดี่ยวไฟติ้งแบรนด์ “โมเดน-MODEN”

โดยไฟติ้งแบรนด์ “MODEN” วางแผนเปิดทดลองการขายในช่วงไตรมาส 4/65 จำนวน 3 โครงการ มูลค่ารวม 3,550 ล้านบาท เจาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย Gen Z มีให้เลือก 5 แบบบ้านที่ให้ความรู้สึกใหม่ บนที่ดิน 50-54 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 163-227 ตารางเมตร โหมดราคา 3-5 ล้านบาท ได้แก่ MODEN บางนา-ศรีนครินทร์, MODEN พระราม 2 และ MODEN บางนา-เทพารักษ์

ที่มา : prachachat

แท็กที่เกี่ยวข้อง
Facebook
Twitter
LinkedIn