ถึงแม้ว่าค่าเงินบาทที่อ่อนค่าอยู่ในปัจจุบัน สาเหตุส่วนใหญ่จะมาจากเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐฯ ที่แข็งค่าขึ้นเป็นอย่างมาก จากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ เพื่อใช้ต่อสู้กับเงินเฟ้อภายในประเทศ
แม้ว่าสาเหตุหลักจะเป็นปัจจัยที่มาจากภายนอกประเทศ แต่ก็ปฎิเสธไม่ได้ว่าค่าเงินบาทที่กำลังอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องนี้อยู่ในขณะนี้ กำลังจะมีมูลค่าใกล้เคียงกันกับค่าเงินบาทในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ “ต้มยำกุ้ง”แล้ว
หลายคนจึงอดตั้งคำถามไม่ได้ว่า “เหตุการณ์ต้มยำกุ้งจะเกิดขึ้นอีกรึปล่าว?”
ในช่วงวิกฤตต้มยำกุ้งขณะนั้น รัฐบาลได้ปล่อยให้ค่าเงินบาทมีมูลค่าลอยตัวตามสภาวะตลาด ทำให้จากเดิมที่เงินบาทเคยอยู่ที่ 25 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ปรับขึ้นไปสูงสุดที่ระดับ 56 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ หนี้สินต่างประเทศที่ประชาชนต้องชำระจึงมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเท่าตัว
ครั้งนี้แม้จะยังไม่หนักหนาเท่าครั้งก่อน แต่ตั้งแต่ 1 ม.ค. 64 ที่ค่าเงินบาทเราอยู่ที่ระดับ 29.8 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ มาถึงวันนี้ที่กลายเป็น 37บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ก็เท่ากับว่าเพิ่มขึ้นมากว่า 25% แล้วภายในระยะเวลา 1 ปี
และดูจากท่าทีของ Fed ที่จะยังขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องอยู่แบบนี้ อาจจะทำให้เม็ดเงินไหลออกนอกประเทศเพิ่มขึ้นอีก ส่งผลให้เงินบาทไทยอ่อนค่าลงอีกก็เป็นได้
ท่าทางว่าเราอาจจะต้องอยู่กับภาวะเงินบาทแข็งค่านี้ไปอีกซักระยะหนึ่งเลยทีเดียว
