เป็นธรรมดาของทุกปีที่สหรัฐอเมริกา ประเทศในแถบยุโรป และอีกหลายประเทศในภูมิประเทศเขตหนาวที่จะปรับแต่งการตั้งเวลาทุกครั้งเมื่อเข้าสู่ช่วงฤดูร้อนและฤดูหนาว หรือที่เรียกกันว่า “เวลาออมแสง” (Daylight saving time-DST) ซึ่งเมื่อเข้าสู่ช่วงท้ายปีและลมหนาวเริ่มพัดมาแบบนี้ จึงเป็นสัญญาว่าการปรับเปลี่ยนเวลาของปีนี้ใกล้เข้ามาถึงแล้ว สำหรับประชาชนที่อาศัยอยู่ในประเทศอยู่แล้วคงไม่รู้สึกอะไรมาก แต่สำหรับนักธุรกิจที่ต้องติดต่อค้าขายหรือนักลงทุนที่ลงทุนในกลุ่มประเทศที่ใช้ระบบนี้อาจจะเป็นปัญหาที่ทำให้ต้องปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย
สำหรับปี 2022 เวลาออมแสง(DST) ในช่วงฤดูหนาวได้สิ้นสุดลงไปแล้วเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2022 เวลา 02.00น. ที่ผ่านมา การนับเวลาของประเทศถูกปรับเปลี่ยนให้ช้าลง 1 ชั่วโมง ทำให้ระบบการทำงานของทั้งภาครัฐฯและเอกชนมีการปรับเปลี่ยนไป
Daylight saving time ส่งผลกระทบต่อนักลงทุน
แน่นอนว่าเมื่อเวลาเปิด-ปิดทำการของหน่วยงานภาครัฐฯเลื่อนช้าลง 1 ชั่วโมง เมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ เช่นนี้ กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องอย่างเช่น ตลาดหุ้น Dow jones , S&P500 และ NASQAD ก็จะถูกเลื่อนเวลาเปิดปิดตามไปด้วย จากเดิมใครที่เคยรอเทรดหุ้นสหรัฐฯช่วงที่ตลาดเปิดในช่วง 3 ทุ่มบ้านเรา อาจจะต้องอยู่ดึกขึ้นเพื่อรอตลาดเปิด หรือสำหรับใครที่ติดตามการประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจอย่างเช่น การประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) เพื่อการปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ย จากที่เคยประกาศตอนช่วงตี 1 ของบ้านเรา ก็อาจจะเลื่อนออกไปเป็นช่วงเวลาที่ดึกขึ้นเป็นต้น
ซึ่งแม้ว่าจะไม่ใช่ปัจจัยที่ส่งผลกระทบในเชิงเศรษฐกิจ แต่เชื่อว่า DST อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพและขอบตาของนักลงทุนบ้านเราที่ต้องนอนดึกเพิ่มขึ้น ประโยคฝังใจแต่ติดหูที่มักตามหลอกหลอนนักลงทุนอยู่เสมอว่า “การลงทุนมีความเสี่ยง” อาจจะต้องเพิ่มความเสี่ยงต่อขอบตาที่อาจดำคล้ำขึ้นต่อท้ายตามไปด้วย
อ้างอิง
https://www.timeanddate.com/time/change/usa