นักลงทุนไทย-ต่างชาติ ไล่กว้านซื้อโรงแรมในไทย คาดปีนี้จะปิดดีลที่ 1.5 หมื่นล้านบาท

นายภัทรชัย ทวีวงศ์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัยและการสื่อสาร บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย เผยหลังภาพรวมการท่องเที่ยวในประเทศไทยปรับตัวดีขึ้น จึงทำให้ในครึ่งปีแรกของปี 2565 มีน่าความสนใจที่จะเข้าซื้อโรงแรมในประเทศไทยอย่างคึกคัก

และถ้ายิ่งเป็น กรุงเทพฯ ภูเก็ต สมุย พัทยา และ เชียงใหม่ ที่เป็นเมืองแหล่งท่องเที่ยวหลัก ที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งพบว่ามีปิดดีลของการซื้อขายโรงแรมในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก ทั้งผู้ประกอบการรายใหญ่ในประเทศไทยและนักลงทุนต่างชาติยังคงให้ความสนใจที่จะเข้าซื้อโรงแรม

นักลงทุนจากประเทศจีนมีความสนใจที่จะซื้อโรงแรมในพื้นที่ภูเก็ตและเชียงใหม่ ส่วนนักลงทุนจากประเทศสหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ ญี่ปุ่น สนใจซื้อโรงแรมในพื้นที่กรุงเทพฯ โดยมองหาโรงแรมที่ราคาที่เหมาะสมบนทำเลศักยภาพ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างชาติที่อาจจะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในปีนี้กว่า 10 ล้านคน

ภาพรวมของการซื้อขายโรงแรมในไทยช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งมีมูลค่าการซื้อขายรวมอยู่ที่ประมาณ 99,650 ล้านบาท เฉพาะในช่วงปี 2560 และ 2561 มีมูลค่าการซื้อขายโรงแรมในประเทศไทยสูงกว่าถึงปีละกว่า 20,000 ล้านบาท

เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติและกลุ่มนักลงทุนรายใหญ่ในประเทศสนใจเข้าซื้อกิจการโรงแรม ทั้งที่อยู่ระหว่างการดำเนินกิจการและอยู่ระหว่างการก่อสร้าง โดยโครงการที่นักลงทุนจะให้ความสนใจเข้าซื้อ ได้แก่

  1. ผลตอบแทนจะต้องมากกว่า 6% ต่อปี
  2. อายุอาคารไม่ควรเกิน 15 ปี หรือต่ำกว่า 10 ปี
  3. จำนวนห้องพักควรมากกว่า 150 ห้อง เพราะจะคุ้มค่าเงินลงทุน

นักลงทุนส่วนใหญ่จะมีการนำโรงแรมมารีโนเวตแล้วอัพเกรดรูปแบบโครงการขึ้น หรือมีการนำแบรนด์ของโรงแรมที่ดังอยู่แล้วหรือโรงแรมเป็นเชนมาช่วยบริหารโรงแรม

ในปี 2565 คาดว่าความต้องการซื้อโรงแรมของนักลงทุนชาวไทยและต่างชาติในไทยจะยังคงมีอย่างต่อเนื่องและมากกว่า 20 แห่ง จากปี 2564 ซื้อขายอยู่ 24 แห่ง และปี 2563 อยู่ที่ 7 แห่ง เพราะในช่วงก่อนหน้าอุปทานโรงแรมที่มีเสนอขายในตลาดมีอยู่อย่างจำกัด

แต่พบว่าพอเกิดวิกฤตโควิด-19 มีผู้ประกอบการหลายรายเลือกจะนำโรงแรมออกมาเสนอขายกันมากขึ้น ทั้งโรงแรมในกรุงเทพฯและเมืองแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ เพราะแบกภาระไม่ไหว และขาดสภาพคล่อง

ราคาที่ซื้อขายกันในปีที่แล้วลดลง 30% แต่ปีนี้ราคาเริ่มฟื้นฟูกลับมาปรับตัวสูง เพราะเจ้าของหลายรายเห็นว่าแนวโน้มธุรกิจท่องเที่ยวจะดีขึ้น แต่จะยังเป็นโอกาสที่ดีสำหรับนักลงทุนที่มีความพร้อมที่สนใจเข้าซื้อกิจการโรงแรมเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวจะเดินทางเข้ามาหลังวิกฤตโควิดที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น

โดยนักลงทุนที่สนใจอาจสามารถซื้อโรงแรมได้ในราคาที่ดี และอาจส่งผลให้มูลค่าการซื้อขายโรงแรมในไทยในปีนี้ปรับตัวสูงขึ้นกว่า 15,000 ล้านบาท

นักลงทุนควรใช้ความระมัดระวังในการตัดสินใจเพิ่มมากขึ้น เพราะท่ามกลางปัจจัยลบต่างๆ ที่เข้ามากระทบภาคอสังหาริมทรัพย์มากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา รวมไปถึงเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจในประเทศไทยที่ชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ หลังโควิดคลี่คลาย ในหลากหลายประเทศทั่วโลกยังเล็งเห็นว่าประเทศไทยยังคงเป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวต่างชาติให้ความสนใจกันมาก และอยากเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวอีกเป็นจำนวนมากในอนาคต ซึ่งทำให้ธุรกิจโรงแรมยังคงเป็นธุรกิจที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่องในอนาคต และอาจส่งผลให้มูลค่าการซื้อขายโรงแรมในประเทศไทยอาจปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต

ที่มา : thansettakij

แท็กที่เกี่ยวข้อง
Facebook
Twitter
LinkedIn