Bitcoin ดิ่งไม่ไหว! นักลงทุนไปต่อดีไหม?

 

นายปรมินทร์ อินโสม ผู้ก่อตั้ง Satang ผู้นำธุรกิจด้านสินทรัพย์ดิจิทัลและบล็อกเชนให้ความเห็นว่า สาเหตุที่ราคาBitcoin (BTC) ทิ้งดิ่งหนักจนไปแตะที่ $23,839 และ Ethereum(ETH) $1,215 วันนี้ (13 มิถุนายน 2565 เวลา 16.51 น.) ปัจจัยหลักเลยคือเรื่องตัวเลขเงินเฟ้อ (CPI) ของเดือนพฤษภาคม ที่สหรัฐฯประกาศออกมาสูงเกินคาดที่ +8.6% ซึ่งสูงสุดในรอบ 40 ปี สาเหตุหลักมาจากราคาน้ำมันดิบที่สูงขึ้น จากเมื่อ 2 เดือนก่อน อยู่ที่ประมาณ $100 – $110 ต่อบาเรล ขึ้นมาอยู่ที่ $105 – $120 ในช่วง1เดือนที่ผ่านมา รวมถึงราคาอาหารที่เพิ่มสูงขึ้นด้วย จนทำให้นักลงทุนกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (FED) อาจต้องเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์นี้วันพุธที่ 17 มิถุนายน (หรือเช้าวัน พฤหัสบดีตามเวลาประเทศไทย) เพื่อสกัดเงินเฟ้อ

นักวิเคราะห์ของ Barclay Bank ซึ่งเป็นสาย extreme สุดด้านคาดการณ์เงินเฟ้อขณะนี้ คาดการณ์ว่า FED อาจขึ้นดอกเบี้ยมากถึง +0.75% ในการประชุมคืนวันพุธนี้ อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์ทั่วไปยังคงมองว่า FED จะยังคงขึ้นที่ +0.5% “สิ่งสำคัญที่จะต้องจับตามองคือถ้อยแถลงของ FED ที่มีต่อสถานการณ์เงินเฟ้อที่สูงสุดในรอบ 40 ปีนี้ ว่า FED จะเดินหน้ามาตรการอะไรต่อไปเพื่อสกัดเงินเฟ้อให้ได้”

อีกปัจจัยหนึ่งก็คือความวิตกกังวลของนักลงทุนต่อมาตรการของจีนที่เริ่มกลับมาใช้ข้อบังคับเรื่องการป้องกันไวรัสระบาดอีกครั้ง หลังจากประกาศผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ไปเพียงไม่กี่สัปดาห์ก่อนหน้า ปัจจัยนี้ส่งผลกระทบต่อความต้องการด้านอุปสงค์ หรือ Demand-side

ส่วนเหตุผลทางด้าน Technical Chart นั้นในช่วง 1 – 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาเราได้เห็นแล้วว่า ราคา ETH อยู่แถว $1,800 – $2,000 ซึ่งมีแนวโน้มที่จะลงมาทดสอบ ที่ $1,200 – $1,400 ได้ไม่ยากในเวลาอันใกล้ และ BTC เองก็อาจจะลงไปสู่ระดับ $19,000 – $21,000 ในช่วงเวลาอันใกล้นี้

นายสรัล ศิริพันโนน ซีอีโอ Satang Corporation ให้ความเห็นว่า “ขาลงของทั้ง BTCและ ETH ยังไม่จบเพราะทั้ง มุมมองของ FED ขณะนี้ และ Technical Chart ยังไปช่วยหนุนขาลงอยู่ สิ่งที่พอจะช่วยนักลงทุนในการวิเคราะห์สถานการณ์ขณะนี้ได้ก็คือ 1) อ่านใจและวิธีคิดของ FED ให้ออก ผ่านมุมมองการวิเคราะห์ที่เราหาได้ไม่ยากใน internet แต่ จงถามตัวเองเสมอด้วยว่า บทวิเคราะห์ที่อ่านนั้นมองข้ามอะไรไปบ้าง ณ ตอนนี้ FED คงสนใจว่า เงินเฟ้อจะเป็นอย่างไรผ่าน CPI index หรือ ดัชนีราคาของผู้บริโภค และราคาพลังงานที่เพิ่มขึ้น  2) อ่านกราฟให้ออก ไม่ใช่แค่มอง technical chart ของ crypto เท่านั้นแต่ต้องมองไปที่ กราฟราคาน้ำมัน ว่าจะไปอย่างไรด้วย เพราะถ้าตอนนี้ยังอยู่แถว $117 – $120 ยังคงมี trend ขาขึ้นซึ่งสามารถวิ่งไปถึง $130 – $150 ได้ไม่ยาก”

“นั่นหมายถึงเงินเฟ้อก็ยังคงสูงขึ้นไม่เปลี่ยนไปในช่วง 1 – 3 เดือนนี้แน่นอน ดังนั้น FED ก็ยังต้องสู้เงินเฟ้ออย่างก้าวร้าวต่อไป ด้วยเหตุนี้ตลาดขาลงของ crypto ก็คงยังไม่จบจริงในเวลา 1-2 เดือนนี้แน่นอน และถึงแม้ว่าจะเป็นขาลง ตลาดก็ไม่ได้วิ่งลงเป็นเส้นตรงดิ่งลงตลอดเวลา บางทีก็เป็นลักษณะวิ่งลงแบบซิกแซ็ก ดังนั้น ไม่ควร All-in ในครั้งเดียว ต้องจัดการเรื่อง allocation risk หรือการจัดการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตให้เหมาะสมด้วย” ปรมินทร์ ย้ำ และสรุปว่า

ฉะนั้นถ้าจะถามว่าตลาดตอนนี้น่าลงทุนหรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่าเป็นนักเทรดประเภทใด ถ้าเป็นสายทำกำไรก็อาจทำได้แต่ต้องระมัดระวังเรื่องการลงแบบซิกแซ็กขึ้น ๆ ลง ๆ ส่วนถ้าเป็นกลุ่มลงทุนระยะกลาง 1 – 3 เดือน การลงทุนใน Stablecoin ที่มีสินทรัพย์หนุนหลังก็ยังพอให้ผลตอบแทนได้ในท่ามกลางสภาวะเงินดอลลาร์แข็งค่าขณะนี้ หากเป็นกลุ่มลงทุนระยะยาวหรือ DCA ก็สามารถที่จะซื้อเก็บได้ทุก ๆ 2 – 3 เดือน ไม่ถึงกับต้องนั่งเฝ้าซื้อเก็บทุกสัปดาห์”

Satang Pro เป็นกระดานเทรดแห่งเดียวในประเทศไทย ที่ได้การรับรองมาตรฐานความปลอดภัยของข้อมูลระดับโลก ISO27001 และ ISO27701 ตลอดจนได้รับใบอนุญาตศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Exchange) จากกระทรวงการคลัง และกำกับดูแลโดย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)

เกี่ยวกับ สตางค์ คอร์ปอเรชั่น

เป็นผู้นำด้านการให้บริการธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล รวมถึงการใช้งานสกุลเงินดิจิทัล ในชีวิตประจำวันทั้งในและต่างประเทศ เนื่องจากบริษัทฯ มีเครือข่ายด้านระบบความปลอดภัย (Security System) และนวัตกรรมทางการเงิน(Financial Innovation) อยู่ทั่วโลก จึงเป็นเรื่องง่ายที่ สตางค์ คอร์ปอเรชั่น จะสามารถดึงทรัพยากร ไม่ว่าจะเป็น Knowledge, Know-how, Talent และ เทคโนโลยีใหม่ๆ จากพันธมิตรต่าง ๆ ที่อยู่ทั่วโลกเข้ามาให้คนไทยได้ใช้งาน เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สะดวกขึ้น และปลอดภัยขึ้นในทุกมิติของการเงินในชีวิต โดยเฉพาะการลงทุนและที่สำคัญที่สุด สตางค์ คอร์ปอเรชั่น อยู่ภายใต้การกำกับดูแล ของก.ล.ต. จึงมั่นใจได้ในความโปร่งใส และปลอดภัยในธุรกรรมต่างๆ

ที่มา : satangcorp

แท็กที่เกี่ยวข้อง
Facebook
Twitter
LinkedIn