Bitcoin ราคานิ่ง ทำนักลงทุนคริปโตฯไทยหายร่วม 50%

Bitcoin ราคานิ่ง ทำนักลงทุนคริปโตฯไทยหายร่วม 50%

 

ปี 2022 เป็นอีกปีหนึ่งที่ไม่สดสัยนักสำหรับตลาดซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล จากมูลค่าตลาดที่ลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงสิ้นปี 2021 จวบจนถึงปัจจุบัน มูลค่าตลาดคริปโตเคอเรนซี่ลดลงจากจุดสูงสุดที่ราว 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลงมาอยู่ ณ ปัจจุบันที่ประมาณ 9 แสนล้านบาท คิดเป็นเปอร์เซ็นต์แล้วลดลงมากว่า 70% โดยมูลค่าเหรียญ BTC และ ETH  2 เหรียญหลักของวงการก็ลดลงมาในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกับตลาดด้วยเช่นเดียวกัน โดยราคาของบิทคอยน์ (Bitcoin) ลดลงราว 70% จากจุดสูงสุดที่ 69,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อ BTC ลดลงมาอยู่ที่ประมาณ 20,000 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อ BTC เช่นเดียวกันกับทาง Ethereum ที่ราคาเหรียญลดลงจากจุดสูงสุด 4,951 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อ ETH ลงมาอยู่ที่ราว 1,300 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อ ETH หรือราว 70% อย่างในปัจจุบัน 

 

BTC ราคานิ่ง ทำตลาดขาดความคึกคัก

ต้องยอมรับว่าเวลานี้ปัจจัยในแง่ร้ายที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจมีอยู่เป็นจำนวนมาก ทั้งปัจจัยที่ส่งผลกระทบด้านเศรษฐกิจโดยตรง อย่างภาวะเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นทั่วโลก และการขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ตามมา และภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) ที่รอเราอยู่ในอนาคต หรือความไม่แน่นอนทางด้านความปลอดภัย จากสภาวะสงครามของรัสเซีย-ยูเครน ที่ส่งผลให้ทั่วโลกเกิดความผันผวนและคาดเดาได้ยาก

 

ปัจจัยลบเหล่านี้ไม่เพียงส่งผลกระทบต่อตลาดแบบดั้งเดิม (traditional market) อย่างตลาดหุ้น พันธบัตรรัฐบาล หุ้นกู้(Bond) ทองคำ ฯลฯ เพียงอย่างเดียว แต่ยังส่งผลต่อตลาดดิจิทัล (Digital market) ด้วยเช่นกัน

 

ราคาของเหรียญคริปโตเคอเรนซี่ (Crypto Currency) หลังจากที่ปรับตัวลงอย่างที่ได้เล่าไปแล้วในช่วงต้น ปัจจุบันนี้ราคายังไม่สามารถเลือกทิศทางต่อได้ และวิ่งในลักษณะออกข้าง (Sideway) ไม่มีทิศทางตลอดระยะเวลา 4 เดือนที่ผ่านมา

 

กลต.ชี้ ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลฯซบเซา ตามราคาเหรียญที่ปรับตัวลง

สำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) รวบรวมข้อมูลสรุปเป็นรายงานสภาวะตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลรายสัปดาห์ ข้อมูลล่าสุดเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม พบว่า ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลของไทยซบเซาลงเป็นอย่างมาก ซึ่งสอดคล่องกับราคาของสินทรัพย์ดิจิทัลที่ปรับตัวลง

 

มูลค่าการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลลดลงราว 40% จากช่วงต้นปี 2022 ที่ผ่านมา มูลค่าซื้อขายเดือนสิงหาคมและกันยายนอยู่ที่ 6.6 หมื่นล้านบาท และ 7.9 หมื่นล้านบาท ตามลำดับ ซึ่งลดน้อยลงจากช่วงต้นปีอย่างเช่นเดือนมีนาคม และเมษายน ที่มีมูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 1.32 แสนล้านบาท และ 1.37 แสนล้านบาทตามลำดับ และเป็นนักลงทุนกลุ่มบุคคลธรรมดาในประเทศที่ลดลงไป

 

สอดคล้องกับความเคลื่อนไหวของบัญชี (Active) ที่ลดลงตามราคาของสินทรัพย์ดิจิทัลอย่าง Bitcoin ด้วยเช่นเดียวกัน เดือนมีนาคมและเมษายน มีจำนวนบัญชีที่เคลื่อนไหวทั้งสิน 492,000 บัญชี และ 469,000 บัญชี ตามลำดับ ส่วน 2 เดือนหลังอย่างเดือนสิงหาคมและเดือนกันยายน การเคลื่อนไหวของบัญชีมีลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด โดยลดลงมาอยู่ที่ 253,000 บัญชี และ 274,000 บัญชี ตามลำดับ

 

 

ที่มา

https://www.sec.or.th/TH/Pages/WEEKLYREPORT.aspx

 

 

#ลองลงทุน

แท็กที่เกี่ยวข้อง
Facebook
Twitter
LinkedIn