Google Cloud ประกาศ Blockchain Node Engine เพื่อเริ่มต้นบน Ethereum

Google Cloud

 

Google Cloud กำลังขยายความพยายามในการสนับสนุนนักพัฒนา Web3 ในการสร้างและเผยแพร่ผลิตภัณฑ์ใหม่บนแพลตฟอร์มที่ใช้บล็อคเชน เนื่องจากเทคโนโลยีบล็อคเชนยังคงเปลี่ยนแปลงวิธีการย้ายและจัดเก็บข้อมูล

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม Google Cloud ได้ประกาศเปิดตัว Blockchain Node Engine ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ใช้บล็อคเชนซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยนักพัฒนา Web3 ในการสร้างและปรับใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่บนแพลตฟอร์มที่ใช้บล็อคเชน

Blockchain Node Engine ซึ่งเป็น Node-hosting ที่มีการจัดการเต็มรูปแบบสำหรับการพัฒนา Web3 จะสนับสนุน Ethereum (ETH) เป็นเครือข่ายแรกในขั้นต้น ซึ่งจะช่วยให้นักพัฒนาบล็อกเชนสามารถเสนอ Node Ethereum ที่มีการจัดการเต็มรูปแบบซึ่งสามารถเข้าถึงบล็อกเชนได้อย่างปลอดภัย

เร่งความเร็วการซิงค์ Node

Google ตั้งข้อสังเกตว่าการปรับใช้ Node ด้วยตนเองจำเป็นต้องมีการจัดเตรียมอินสแตนซ์การประมวลผล เช่น การติดตั้งไคลเอ็นต์ Ethereum (such as geth) และรอให้ Node ซิงค์กับเครือข่าย อาจใช้เวลาหลายวันในการซิงค์ Node แบบเต็มจากบล็อกแรก (i.e., “genesis”)

ดังนั้น Blockchain Node Engine ของ GoogleCloud จึงมีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยเร่งความเร็วและทำให้กระบวนการนี้ง่ายขึ้นโดยทำให้นักพัฒนาสามารถปรับใช้ Node ใหม่ในการดำเนินการเดียวและเลือกภูมิภาคและเครือข่าย (mainnet, testnet)

เพิ่มการกำหนดค่าความปลอดภัย

นอกจากนี้ Blockchain Node Engine มีการตั้งค่าความปลอดภัยที่อาจช่วยป้องกันการเข้าถึง Node ที่ไม่ต้องการ เฉพาะเครื่องและผู้ใช้ที่เชื่อถือได้เท่านั้นที่สามารถเชื่อมต่อกับปลายทางของไคลเอ็นต์เมื่อโหนดถูกวางไว้หลังไฟร์วอลล์ Virtual Private Cloud

นอกจากนี้ เนื่องจากเป็นบริการที่มีการจัดการเต็มรูปแบบ จึงไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับความพร้อมใช้งานของ Blockchain Node Engine GoogleCloud คอยตรวจสอบ Node อย่างต่อเนื่อง และหากมีสิ่งใดผิดพลาด Node จะ “รีสตาร์ทระหว่างที่ไฟดับตามต้องการ”

Google Cloudอ้างว่า Blockchain Node Engine จะช่วยให้ทีมมีสมาธิกับผู้ใช้มากกว่าโครงสร้างพื้นฐานโดย “ลดความต้องการทีม DevOps เฉพาะทาง” และ “โดยเสนอข้อตกลงระดับบริการ (SLA) ของ GoogleCloud”

ที่อื่นๆ ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีระบุว่าการเติบโตของรายได้ที่ชะลอตัวในปีนี้เป็นผลมาจากค่าใช้จ่ายโฆษณาที่ลดลงโดยองค์กรทางการเงิน รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์คริปโต ที่เกิดจากตลาดขาลง

ที่มา : finbold

#ลองลงทุน

แท็กที่เกี่ยวข้อง
Facebook
Twitter
LinkedIn