เมื่อวันที่ 3 ส.ค. 65 นายอภินันท์ เกลียวปฏินนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร ได้กล่าวว่า ผลประกอบการของกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทรในครึ่งปีแรก 2565 อยู่ในเกณฑ์ที่ดีอย่างต่อเนื่อง ธุรกิจสินเชื่อธนาคารพาณิชย์โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของสินเชื่อเช่าซื้อ และสินเชื่อที่อยู่อาศัย โดยสินเชื่อรวมขยายตัวถึงร้อยละ 10 ด้านธุรกิจตลาดทุน รายได้กระจายตัวตามลักษณะธุรกิจ
ซึ่งธุรกิจนายหน้ายังคงครองส่วนแบ่งอันดับหนึ่งของตลาดที่ 18.18% และธุรกิจการลงทุนมีการเติบโตที่ดีขึ้นเพราะฝ่ายค้าหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Equity and Derivative Trading) ที่สามารถทำกำไรได้ดีในสภาวะที่ผันผวน และถึงแม้ด้านวาณิชธนกิจจะมีจำนวนธุรกรรมลดลงในช่วงต้นปี แต่ยังคงมีธุรกรรมขนาดใหญ่หลายรายการในช่วงครึ่งหลังของปี
และขณะที่ธุรกิจที่ปรึกษาการลงทุนส่วนบุคคล (Wealth Management) มีปริมาณทรัพย์สินภายใต้คำแนะนำ (Asset Under Advice, AUA) กว่า 7 แสนล้านบาท ทั้งนี้ ทางธนาคารได้ปรับลดการตั้งสำรองเพื่อให้สอดรับกับคุณภาพที่ดีของพอร์ตสินเชื่อใหม่ และอัตราการชำระคืนของลูกหนี้ที่ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยตั้งสำรองเป็นจำนวน 1,878 ล้านบาท โดยลดลงกว่าปีที่ผ่านมาค่อนข้างมาก
ในปี 65 นี้ กลุ่มธุรกิจฯ มีเป้าการเติบโตของสินเชื่อรวม 16% แต่ถึงอย่างนั้น กลุ่มธุรกิจฯ ยังมองว่าสถานการณ์แนวโน้มของเศรษฐกิจในภาพรวมยังคงน่ากังวลจากภาวะเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ย ผนวกกับภาวะปัญหาหนี้ครัวเรือนอยู่ในระดับสูงอีกด้วย
โดยกลุ่มธุรกิจฯ จึงเตรียมพร้อมสำหรับการช่วยเหลือลูกค้าที่อาจจะได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ซบเซาอย่างต่อเนื่องมาจากสถานการณ์โควิด โดยมุ่งที่การช่วยเหลือเป็นไปอย่างยั่งยืน มากกว่ามาตรการเฉพาะหน้า เพื่อให้เป็นประโยชน์สูงสุดต่อลูกค้าในภาวะเศรษฐกิจตกต่ำต่อเนื่องแบบนี้
นายฟิลิป เชียง ชอง แทน กรรมการผู้จัดการใหญ่ ของธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) หรือ KKP ได้กล่าวว่า ในระยะที่ผ่านมา นโยบายการเติบโตของสินเชื่อแบบมีกลยุทธ์ (Smart Growth) นั้นมีผลที่ดี โดยช่วยให้ธนาคารสามารถรักษาการเติบโตของรายได้และกำไรแม้ในสถานการณ์เศรษฐกิจชะลอตัว
ในขณะเดียวกัน มาตรการคัดกรองและการบริหารความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพยังคงรักษาคุณภาพของสินเชื่อให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม โดยสินเชื่อของธนาคารครึ่งปีแรก ของปี 2565 มีรายได้ที่มาจากดอกเบี้ยถึง 69% โดยหลักๆมาจากกลุ่มสินเชื่อรายย่อยที่มีหลักประกัน ไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ที่โตขึ้นกว่า 11% หรือสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยที่โตขึ้น 19%
ด้านนายปรีชา เตชรุ่งชัยกุล ประธานสายการเงินและงบประมาณของ ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า กลุ่มธุรกิจฯ มีกำไรสุทธิถึง 4,089 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45.1% โดยเป็นกำไรสุทธิของธุรกิจตลาดทุน จำนวน 672 ล้านบาท ในส่วนของการตั้งสำรองสำหรับครึ่งแรกของปี 2565 ถูกปรับลดลงตามคุณภาพของสินเชื่อที่ยังคงอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ดี โดยมีอัตราส่วนสำรองต่อสินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตอยู่ที่ 169.1%
และนอกจากนี้ ทางธนาคารยังมีรายได้เพิ่มขึ้นทั้งในส่วนของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิรวมถึงรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย โดยรายได้ดอกเบี้ยสุทธิมีจำนวน 8,779 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้น 15.1% ในขณะที่รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยมีจำนวน 3,809 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.2% จากครึ่งปีแรก 2564 และธนาคารมีอัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้นต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) คำนวณตามเกณฑ์ของ Basel III ซึ่งรวมกำไรถึงถึงสิ้นไตรมาส 2/25 อยู่ที่ 16.56% และอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 จะเท่ากับ 12.99%
ที่มา : thairath