Near Foundation ตั้งกองทุน 40 ล้านดอลลาร์เพื่อช่วยเหลือนักลงทุนใน USN ในกรณีล่มสลาย

Near Foundation

 

Near Foundation ตั้งกองทุนเพื่อช่วยเหลือนักลงทุนใน USN ในกรณีการล่มสลาย

USN ซึ่งเป็นเหรียญ stablecoin ของ Near Protocol นั้นเพิ่งถูกหลักประกันต่ำเกินไป ทำให้กองทุน Near  แนะนำให้ยกเลิก USN เพื่อป้องกันสถานการณ์ที่คล้ายกับ Terra (LUNA) และการล่มสลายของ UST เพื่อสนับสนุนการเคลื่อนไหวนี้กองทุน Near  ได้เปิดกองทุน 40 ล้านดอลลาร์เพื่อปกป้องนักลงทุนและช่วยให้พวกเขาถอนเงินออกจาก USN ด้วย Tether (USDT.e) ในจำนวนที่เท่ากัน

เมื่อวันที่ 24 ต.ค. Near Foundation เปิดเผยว่าได้จัดตั้งกองทุนมูลค่า 40 ล้านดอลลาร์ ซึ่งช่วยให้ผู้ถือ USN ที่มีสิทธิ์สามารถแลกโทเค็น USN ได้แบบ 1:1 ด้วย USDT.e โปรแกรมนี้เปิดตัวหลังจาก Decentral Bank (DCB) ซึ่งเป็นผู้ออก NEAR-native stablecoin USN ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับการ Depegging ของ Stablecoin เนื่องจากอัลกอริธึมล้มเหลว

โครงการป้องกันของ USN มีเป้าหมายที่จะครอบคลุมช่องว่างหลักประกันที่ 40 ล้านดอลลาร์ ซึ่งกองทุนยืนยันว่าไม่ได้เชื่อมโยงกับราคาโทเค็น NEAR ดำเนินมาตรการเชิงรุกเพื่อปกป้องนักลงทุนจากการล่มสลายที่เป็นไปได้ Near กล่าวว่า:

“กองทุน NEAR แนะนำให้ DCB ปิด USN อย่างเป็นระเบียบ เพื่อช่วยในกระบวนการนี้ กองทุน NEAR ได้มอบเงินช่วยเหลือจำนวน 40 ล้านเหรียญสหรัฐให้กับบริษัทในเครือของ Aurora Labs ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนที่โดดเด่นที่สุดของระบบนิเวศ NEAR เพื่อจัดตั้ง USN Protection Programme”

เงินช่วยเหลือนี้มอบให้กับบริษัทในเครือของ Aurora Labs และเปิดให้ผู้ใช้แลกเปลี่ยนโทเค็น Stablecoin ที่ depegged ได้ทันที อย่างไรก็ตาม การแลกใช้จะเริ่มขึ้นหลังจากที่ DCB เริ่มกระบวนการยกเลิกเท่านั้น

จากข้อมูลของ DCB โทเค็น USN นั้นไม่มีอัลกอริทึมอีกต่อไป หลังจากที่เวอร์ชันอัลกอริทึมเริ่มต้นของ USN (v1) ได้รับการอัปเกรดเป็น v2 ซึ่งทำให้ Stablecoin “อ่อนไหวต่อการคลาดเคลื่อนในสภาวะตลาดที่รุนแรง”

แม้ว่าเกณฑ์คุณสมบัติสำหรับนักลงทุนจะไม่ถูกเปิดเผย แต่ Near ยืนยันว่าการขับเคลื่อนจะยังคงใช้งานได้เป็นเวลาหนึ่งปีจนถึงวันที่ 24 ต.ค. 2023 นอกจากนี้ Near ยังได้ประกาศแผนการที่จะจัดตั้งโครงการริเริ่มที่เน้นเรื่อง Stablecoin ซึ่งป้องกันปัญหาที่เกี่ยวข้องกับหลักประกันเพื่อปกป้อง นักลงทุนจากภัยพิบัติดังกล่าว

ที่มา : cointelegraph

#ลองลงทุน

แท็กที่เกี่ยวข้อง
Facebook
Twitter
LinkedIn