คำวิจารณ์ล่าสุดจากผู้เขียนและผู้ประกอบการ Liron Shapira เกี่ยวกับโครงการบล็อกเชน Helium ทำให้เกิดการถกเถียงอย่างมากเกี่ยวกับอนาคตของบริษัทในระยะยาว
Helium ก่อตั้งขึ้นในปี 2013 เป็นบล็อกเชนที่เน้น Internet of Things (IoT) ซึ่งกำลังสร้างเครือข่ายโทรคมนาคมไร้สายแบบ peer-to-peer แบบกระจายอำนาจผ่านเทคโนโลยีเครือข่ายเครื่องของตัวเอง
ในกระทู้ Twitter เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม Shapira นักวิจารณ์อย่างหนักของ Web3 ได้ตั้งคำถามเกี่ยวกับการลงทุนมูลค่าหลายร้อยล้านดอลลาร์ใน Helium
เขาชี้ให้เห็นว่าข้อมูลโครงการสร้างรายได้เพียง 6,500 ดอลลาร์ต่อเดือนจากรายได้ จากการใช้ข้อมูลและกล่าวว่า “การขาดความต้องการของผู้ใช้ปลายทางสำหรับ Helium ไม่ควรเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจ” นอกจากนี้ เขายังอ้างถึงโพสต์ล่าสุดจากผู้ให้บริการ node hotspot ใน Helium subreddit ซึ่งถูกโพสต์เกี่ยวกับรายได้ที่ลดน้อยลงจากความพยายามของพวกเขา
เขากล่าวว่า “โดยเฉลี่ยแล้ว พวกเขาใช้เงิน 400-800 ดอลลาร์เพื่อซื้อ hotspot พวกเขาคาดหวังว่าจะได้รับเงิน 100 เหรียญต่อเดือน ซึ่งเพียงพอที่จะใช้จ่ายและเพลิดเพลินไปกับรายได้แบบพาสซีฟ จากนั้นรายได้ของพวกเขาก็ลดลงเหลือเพียง 20ดออลลาร์ต่อเดือน”
.@Helium, often cited as one of the best examples of a Web3 use case, has received $365M of investment led by @a16z.
— Liron Shapira (@liron) July 26, 2022
Regular folks have also been convinced to spend $250M buying hotspot nodes, in hopes of earning passive income.
The result? Helium's total revenue is $6.5k/month pic.twitter.com/PyW6KPllvc
ในการให้สัมภาษณ์กับ Tactical Investing เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม Shapira ได้ขยายความคิดเห็นของเขา และถึงกับกล่าวหาว่าโครงการนี้เป็น “โครงการ Ponzi”:
“ผู้คนเห็นตัวเลขสองจำนวนนี้ เพิ่มขึ้น 6,500 ดอลลาร์ต่อเดือน เทียบกับ 350 ล้านดอลลาร์ และพวกเขาสงสัยว่า’สิ่งนี้สมเหตุสมผลอย่างไร’ มันสมเหตุสมผลในกรณีของการเริ่มต้นใช้งานในระยะเริ่มต้นเท่านั้น”
ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างเครือข่ายไร้สายของ Helium ผู้ให้บริการ node จะได้รับ 35% ของรายได้จากการใช้ข้อมูลเป็นรายได้ของโทเค็น HNT สำหรับธุรกรรมการตรวจสอบความถูกต้อง เพื่อให้สามารถเรียกใช้ node ได้ ผู้คนยังต้องซื้อและติดตั้งอุปกรณ์ hotspot ของ Helium Systems พร้อมกับวางเดิมพัน 10,000 HNT มูลค่าประมาณ 89,000 ดอลลาร์ในราคาปัจจุบัน Shapira ให้เหตุผลว่าผู้ประกอบการ “รักษาความหวังที่ผิดพลาด” ในการได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนในเชิงบวก
ในการตอบสนองต่อหัวข้อนี้ Amir Haleem ผู้ก่อตั้ง Helium ได้กล่าวถึงการวิพากษ์วิจารณ์ว่า
“เหตุใดจึงมีการจ่ายข้อมูลมูลค่าเพียง 6,500 เหรียญสหรัฐ? ต่างจากเครือข่าย cellular ตรงที่ไม่มีอุปกรณ์นับล้านที่สามารถเปลี่ยนเป็น Helium ได้ แอปพลิเคชั่นที่ดีที่สุดยังไม่ถูกสร้างขึ้น และต้องใช้เวลาเป็นเดือนหรือเป็นปีในการสร้าง”
Haleem ตั้งข้อสังเกตว่าเป้าหมายของโครงการในการพัฒนาเครือข่าย IoT ที่ปลอดภัย กระจายอำนาจ และราคาถูกนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะดำเนินการ และเขายังคาดการณ์ว่าจะใช้เวลา 5-10 ปีอีกด้วย นอกจากนี้ เขายังระบุด้วยว่า “ตามความเป็นจริงแล้ว ที่ใช้งานได้ แบบครอบคลุมมีเพียงในช่วง 6-9 เดือนที่ผ่านมา” แอปพลิเคชันต่างๆ เริ่มสร้างขึ้นบนเครือข่าย
but now the applications are coming, and they’re awesome. how about a tracking device in the form of a sticker that can be attached to basically anything? it’s now here, and being deployed as we speak https://t.co/pfGJpK1HcV
— amir.hnt (🎈,🫡) (@amirhaleem) July 26, 2022
ใน subreddit ของ Helium ผู้ใช้ PuppypuppyX ยังตอบสนองต่อคำวิจารณ์ของ Shapira และแบ่งปันความรู้สึกที่คล้ายคลึงกัน แม้ว่าพวกเขาจะยอมรับว่าการวิพากษ์วิจารณ์ Helium บางอย่างนั้นถูกต้องเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานในการทำงานของ node (ผลิตภัณฑ์มีข้อบกพร่องและการขนส่งล่าช้า) ผู้คนจำนวนมากในชุมชนเข้าใจความซับซ้อนของเป้าหมายและระยะเวลาที่ใช้
“การสร้างเครือข่าย node หลายล้าน node ด้วยโปรโตคอลที่แตกต่างกัน (LoRa, 5g และอื่นๆ) ที่ขยายไปทั่วโลกและไม่ถูกผูกมัดกับบรรษัทข้ามชาติเป็นหนึ่งในโครงการทางเทคโนโลยีที่มีความทะเยอทะยานที่สุดเท่าที่เคยมีมา” พวกเขาเขียนพร้อมเสริมว่า:
“หาก Helium ทำงาน (และฉันไม่ได้บอกว่าจะทำ) มันสามารถปฏิวัติวิธีการแชร์ข้อมูลได้”
ที่มา : cointelegraph
